Fukunishi Honten
อาคารคลังอันดำมันเงาของ Fukunishi Honten
คุณสามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและการรับประทานอาหารในบรรยากาศของอาคารร้านค้าอันหรูหราโอ่อ่าที่สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่๒๐
(หรือในยุคไทโช)
Fukunishi Honten เป็นร้านที่โดดเด่นของพ่อค้าวาณิชย์ตระกูลFukunishi ที่มีความเจริญรุ่งเรืองในช่วงปลายศตวรรษที่19ถึงช่วงต้นศตวรรษที่20 ร้านต้นตำรับนี้ถูกสร้างขึ้นในปีคศ.1914 (ไทโชที่3)
โดยเฉพาะ ผนังด้านนอกของอาคาร(มีอยู่3ส่วนคือ คลังของร้านหลัก คลังพุทธบูชา และคลังถ่านหิน) ที่หันร้านตรงกับถนนโอมาจิ (ถนนอิฐแดง หรือ ในอีกชื่อที่เรียกกันว่าถนนNoguchihideyo) ได้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ปูนสีดำ ซึ่งเลื่องลือกันในความยากลำบากในการสร้าง
ปูนสีดำจะทำโดยการเพิ่มหมึกในการผสมปูน และในการขัดผนังให้เป็นสีดำเงามันนั้นยังต้องใช้ทักษะขั้นสูง
ความงามของสีดำที่มันเงาของผนังด้านนอกรวมกับกระเบื้องหลังคาสีแดงซึ่งแสดงถึงความมีอำนาจและความมั่งคั่งอันป็นมรดกตกทอดของครอบครัวพ่อค้าวาณิชย์รายนี้จากในอดีตจนถึงปัจจุบัน
ชั้น๒ของอาคารหลัก จะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ส่วนด้านหลังอาคารหลักจะเป็นอาคารคลังอีก๒อาคาร
คลังที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือถูกสร้างขึ้นด้วยความปราณีตเพื่อใช้เป็นห้องรับรองแขก
อีกทั้งระดับความสูงของเพดานของอาคารหลักนี้ ยังเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่แสดงถึงความมั่งคั่งของตระกูลFukushima ณ เวลานั้น
ในมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่เชื่อมต่อกับอาคารหลักเป็นภาคผนวกสองชั้นในสไตล์ญี่ปุ่นที่มีมุมชงชาอยู่ในห้องและสามารถมองเห็นวิวของสวนได้ ซึ่งแขกผู้เข้าพักสามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้
Fukunishi Hontenได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมโดยได้รับการสนุบสนุนช่วยเหลือจากภาครัฐและจะเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการ
ซึ่งที่มาและการใช้งานของแต่ละอาคารจะเป็นดังต่อไปนี้:
ร้านค้า
(อาคารคลัง2ชั้นฉาบปูนดำ)
แต่เดิม เป็นพื้นที่ที่ใช้สำหรับทำธุรกิจและการจัดการสินค้า หลังการซ่อมแซมปรับปรุง จะเป็นร้านขายผลิตภัณฑ์พิเศษ และของที่ระลึกของAizu
อาคารคลัง2ชั้นฉาบปูนดำ
(อาคารคลัง2ชั้นฉาบปูนดำ)
เป็นสถานที่ที่เคารพบูชาบรรพบุรุษของ ตระกูลFukunishi จึงไม่มีกำหนดการที่จะเปิดสู่สาธารณชน
คลังถ่านหิน
(อาคารคลัง2ชั้นฉาบปูนดำ)
คลังนี้เคยเป็นสถานที่จัดเก็บถ่าน, ผ้าฝ้าย, และสินค้าอื่น ๆ หลังการซ่อมแซมปรับปรุงก็จะกลายเป็นร้านอาหารบาร์บีคิวโดยใช้ถ่านในการปิ้งย่าง ในชื่อร้าน「sumigura」
อาคารหลัก
(บ้านไม้ 2 ชั้น)
อาคารหลักที่ครอบครัวฟุกุนิชิ เคยใช้เป็นที่อยู่อาศัย ห้องโถงขนาดใหญ่บนชั้นสองมักถูกใช้ในการเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงและการประชุม หลังการซ่อมแซมปรับปรุงจะใช้พื้นที่นี้ในการจัดแสดงนิทรรศการของของตระกูล Fukunishi
อาคารห้องนั่งเล่น
(อาคารคลัง 2 ชั้น)
อาคารหลังนี้หันหน้าไปทางสวนซึ่งมักถูกใช้เป็นที่ต้อนรับแขกในสไตล์ญี่ปุ่น หลังการซ่อมแซมปรับปรุงจะเป็นร้านอาหารในสไตล์ญี่ปุ่นที่มีพิ้นเสื่อทาทามิในแบบก๋ไก๋
คลังอาคารหลัก
(อาคารคลัง 2 ชั้น)
ที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่ที่พนักงานอาศัยอยู่และทำงานเช่นประกอบผ้านวมหรือฟูก หลังการซ่อมแซมปรับปรุง มันจะกลายเป็นร้านกาแฟ สไตล์sohoที่ทันสมัย
มุมชงชา
(บ้านไม้ 2ชั้น)
อาคารหลังนี้หันหน้าไปทางสวนซึ่งมักถูกใช้เป็นที่ต้อนรับแขกในสไตล์ญี่ปุ่น หลังการซ่อมแซมปรับปรุงจะเป็นร้านกาแฟสไตล์ญี่ปุ่น
เค็ม
(คลังสินค้าสองชั้น)
เป็นสถานที่ถูกเก็บไว้กับซอสมิโซะและเกลือ
หลังจากการปรับปรุงในร้านโซบะญี่ปุ่น
ตระกูลฟุคุนิชิกับประวัติศาสตร์ 300 ปี
ตระกูลฟุคุนิชิที่เจริญรุ่งเรือง ณ เมืองไอสึวากามัตสึ เมืองแห่งปราสาทกับประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 300 ปี
กล่าวกันว่าตระกูล Fukunishi เป็นลูกหลานของตระกูลAkamatsuผู้สืบสายเลือดของเจ้าชายShinno Tomohira โอรสของจักรพรรดิMurakami จักรพรรดิองค์ที่ 62 ของญี่ปุ่น (ช่วงกลางศตวรรษที่10)
ตระกูลAkamatsuได้ปกครอง Harima (จังหวัดHyogoในปัจจุบัน) มาจนเข้ายุคSengoku (ปลายศตวรรษที่ 15 ถึงปลายศตวรรษที่ 16) อำนาจจึงเริ่มถดถอยลง
และลูกหลานของตระกูลAkamatsuก็ย้ายไปYamoto (จังหวัดNaraในปัจจุบัน) และเจริญรุ่งเรืองในบริเวณที่เรียกว่าTouin ซึ่งเป็นที่ที่ครอบครัวถูกแบ่งออกเป็นสี่สกุลคือ Fukukita-Fukuminami-Fukuhigashi และ Fukunishi
และผู้คนที่ใช้สกุลFukunishiในขณะนั้น ถือเป็นต้นกำเนิดของบรรพบุรุษของตระกูลFukunishiที่Aizuwakamatsu พวกเขาได้ไปรับใช้ให้กับตระกูลFuji ซึ่งเป็นตระกูลของพ่อค้าใหญ่ในเมืองSakai (Osakaในปัจจุบัน) เมืองที่เฟื่องฟูในด้านการค้าพาณิชย์
ในศตวรรษที่ 18 สมัยโยชิมุเนะ (Kyoho ปี), Ihei คนแรกที่เข้ามาตั้งรกรากที่เมืองไอสึและเวลานั้นต้นตระกูลฟุคุนิชิก็เริ่มประกอบอาชีพค้าขายเรื่อยมาจนกระทั่งถึงยุคเมจิ (ค.ศ.๑๘๖๘-) ก็ขยายกิจการร้านค้าขายส่งผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคต่างๆ และในภายหลังก็ได้ขยายสายธุรกิจมาประกอบการค้าซอสถั่วเหลืองมิโซะ และเครื่องใช้ไม้เคลือบด้วยสีแลคเกอร์(เครื่องเขิน)
จากนั้นมา ชนรุ่นหลังของตระกูลFukusnishiก็ประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าวาณิชย์ และธุรกิจของครอบครัวเติบโตรุ่งเรืองมาจนเข้าศตวรรษที่ 18
เมื่อเข้ายุคเมจิ (จากปีคศ.1868) ก็ได้ขยายธุรกิจ และเข้ามาจับธุรกิจการขายส่ง และมีการเพิ่มสินค้าอย่างกว้างขวางเช่น เต้าเจี้ยว(มิโสะ) ซอสถั่วเหลืองและอุตสาหกรรมเครื่องเขิน
เมื่อประมาณ100ปีที่แล้ว ในยุคของ Ihee Fukunishiรุ่นที่ 9 (Ihee เป็นรุ่นแรกที่มีการตั้งชื่อลูกหลานโดยใช้ชื่อเดียวกันกับบรรพบุรุษสืบทอดกันมาของตระกูล Fukunishi) กลายเป็นผู้ประกอบการค้าที่สำคัญที่ทำหน้าที่เป็นประธานของธนาคารในพื้นภาคของ Aizu และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทรถไฟ
อาคารคลังสินค้าและอาคารหลักของ Fukunishi Honten ในปัจจุบันนี้ ถูกสร้างขึ้นและออกแบบโดย Ihee Fukunishi รุ่นที่9ท่านนี้
หลังจากนั้น มีการเริ่มแยกสาขาเพื่อให้กิจการมิโซะ ซอสถั่วเหลืองและอุตสาหกรรมเครื่องเขินเป็นอิสระ ในขณะที่ผู้สืบทอดตระกูลจะดูแลจัดการกับธุรกิจผ้าฝ้ายและสินค้าเครื่องนอนเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่20 ในขณะที่วิธีการในเชิงพาณิชย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ธุรกิจผ้าฝ้ายและสินค้าเครื่องนอนได้ถูกปล่อยปละละเลย จึงถือโอกาสนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะปรับปรุงและผันไปสู่กิจการการท่องเที่ยว
Sketch of the Fukunishi Honten Shop
เมื่อ150ปีก่อน Aizuเป็นสนามรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ของสงครามกลางเมืองBoshin
Aizuwakamatsuตั้งอยู่ในส่วนใต้ของภูมิภาคโทโฮคุ และเป็นเมืองศูนย์กลางของถิ่นAizu
Aizu ตั้งอยู่ในเขตลุ่มน้ำขนาดใหญ่ มีความเจริญรุ่งเรืองในยุคโคะฮุง (หรือช่วงศตวรรษที่ 4) ในปี 1590 Ujisato Gamoได้ย้ายถิ่นฐานจากKinki (หรือเกียวโตในปัจจุบัน) เข้ามาอยู่ในถิ่นAizu และได้เติบโตก้าวหน้าจนเป็นเจ้าเมืองAizu ภายใต้ยุคของเขา เขาได้พัฒนาจนAizu เจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมากในภูมิภาคนี้
ก่อนที่จะมาเป็นAizuwakamatsuนั้น มันถูกเรียกว่าKurokawa(ดินแดนริมฝั่งแม่น้ำ Hagurokawa) และชื่อของพื้นที่ก็เปลี่ยนไป เมื่อท่านGamoได้พยายามที่จะสร้างเมืองปราสาท โดยการสร้างปราสาทขนาดใหญ่(ปราสาทtsurugajo) สถานที่นี้เลยกลายเป็นที่รู้จักในนามของ “Wakamatsu” ดินแดนแห่งความเขียวชอุ่ม
นอกจากนั้น เจ้าเมืองGamo ยังนำอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าจากภูมิภาค Kinki มาเผยแพร่ที่Aizu ซึ่งรวมถึงเครื่องเขิน, เบียร์, กระเบื้องและเครื่องปั้นดินเผา ทำให้การค้าพาณิชย์และอุตสาหกรรมก้าวรุดหน้าขึ้นมากในภูมิภาคนี้
อีกทั้งถนนOmachi ที่ร้านFukunishi Hontenตั้งอยู่นั้น ก็ได้รับการจัดหลักโดยเจ้าเมืองGamo เพื่อให้เป็นถนนศูนย์รวมการค้าของเมือง
หลังจากนั้น ในช่วงต้นของยุค Edo (ปี1643) ตระกูลMatsudaira ซึ่งเป็นญาติของท่านTokugawa Shogunได้กลายเป็นผู้ปกครองของถิ่น Aizu
ปลายสมัยเอโดะ (ท้ายศตวรรษที่19) ญี่ปุ่นได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายของTokugawa และฝ่ายของรัฐบาลใหม่Meiji ประเทศเข้าสู่สภาวะสงครามกลางเมือง (เรียกว่าสงครามBoshin) และ Matsudaira พร้อมกับภูมิภาคAizuเข้าสนับสนุนฝ่ายTokugawa ในเดือนสิงหาคม 1868(พ.ศ. 2411) Aizuwakamatsuกลายเป็นสนามสงครามสำหรับการสู้รบที่ดุเดือด
ทุกวันนี้บนผนังของคลังเก็บเกลือในอาคารFukunishi Hontenยังมีภาพกราฟฟิตีของการโจมตีจากกองกำลังของรัฐบาลใหม่เมจิ (ถิ่นDosa หรือ จังหวัด Kochiในปัจจุบัน) เหลือทิ้งไว้ให้ชมกัน
สงครามกลางเมืองนี้สิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของTokugawa Shogun และรัฐบาลใหม่เมจิก็เข้าควบคุมญี่ปุ่นทั้งประเทศ ปิดบทบาทของซามูไรในยุคนี้ลง
และAizuwakamatsu ที่เคยอยู่แนวหน้าบนเวทีประวัติศาสตร์นั้น ทิ้งไว้แต่บรรยากาศของเมืองปราสาทที่ยังหลงเหลือให้ชมกันในทุกวันนี้
ในแนวเดียวกันของถนนOmachiที่ร้านFukunishi Honten ตั้งอยู่นั้นจะมีโรงพยาบาลที่Hideyo Noguchiนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกเคยใช้เป็นสถานศึกษาขณะที่เป็นนักศึกษาแพทย์ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็น ร้านกาแฟย้อนยุค (Retro Café)
ด้วยเหตุผลนี้ ถนนOmachi บางครั้งจึงถูกเรียกว่า "ถนนNoguchi Hideyo" (ด้วยเป็นถนนที่Hideyo Noguchเคยใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่น)
Aizu War Kibun (The scene of the Boshin Civil War)
Café “Aizu-Ichibankan”
Prewar Tsurugajo Castle and
Tsurugajo Castle(Rebuilt in 1965)
คุณสามารถเยี่ยมชมทรัพย์สมบัติที่สืบทอดกันมาของตระกูล Fukunishi ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
ที่ชั้น 2 ของบ้านหลังหลักของตระกูล Fukunishi ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชม ข้าวของสำคัญๆของตระกูล ซึ่งจัดอยู่ในห้องมรดกของตระกูล (ห้องที่จัดแสดงถึงข้าวของเครื่องใช้ที่ตระกูล Fukunishi ใช้สืบทอดต่อๆกันมา)
ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของตระกูลFukunishi ผลงานทางศิลปะและโบราณวัตถุรวมถึงสิ่งประดิษฐ์ต่างๆจึงสามารถรวบรวมสะสมได้เป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะ Iheeรุ่นที่ 9 และ 10 พวกเขามักจะมีการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์กับนักวัฒนธรรมและศิลปินร่วมสมัย ผลงานของพวกเขาจึงได้รับการเก็บรักษาไว้
หนึ่งในผลงานเหล่านี้ Sansui-zuของ Entaku Katoซึ่งเป็นภาพแขวนเลื่อนได้
Entaku Kato เป็นคนAizuและเป็นจิตรกรที่ได้รับการยกย่องสำหรับตระกูลAizu เขาเป็นหนึ่งในจิตรกรแถวหน้าจากโรงเรียนKano (กลุ่มจิตรกรมืออาชีพในสมัยเอโดะ)
อีกผลงานหนึ่ง คือ Kokeisansho-zu (ภาพบนฉากพับที่รวมบุคคลสำคัญในสามลัทธิ-ศาสนา คือ พุทธศาสนา-ลัทธิขงจื๊อ-ลัทธิเต๋ามาอยู่ในฉากภาพเดียวกัน) ของTamon Yamauchi
Tamon Yamauchiเป็นจิตรกรญี่ปุ่น ที่มีภูมิลำเนามาจากMiyasaki
จากช่วงยุคเมจิถึงยุคต้นShowa เป็นที่เชื่อกันว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูล Fukunishi
และได้มีการเก็บรักษาตู้แสดงผลงานที่ดีไว้
กล่าวกันว่าตู้แสดงผลงานนี้ได้ไปร่วมออกแสดงในงานเอ็กซโปที่ปารีสเมื่อปี 1925
Sansui-zu (hanging scroll)
Kokeisansho-zu